ถ้าเราย้อนกลับไปคิดว่า คอมพิวเตอร์ในยุค 80s หรือ 90s ที่มีหน้าตาเป็นกล่องใหญ่โตตั้งโต๊ะ เครื่องแรงๆ ใช้งานเฉพาะนักวิจัยหรือองค์กรใหญ่ๆ คอมพิวเตอร์แรงๆ รวมไปถึง AI มีแต่ในนิยายวิทยาศาสตร์ ผ่านไป 20 ปี ตอนนี้เรามีคอมพิวเตอร์ที่เล็กกว่าฝ่ามือ แต่ทรงพลังพอที่จะทำงานแทบทุกอย่าง ตั้งแต่เล่นเกม กดสั่งอาหาร ไปจนถึงประมวลผล AI ได้บนสมาร์ตโฟน
แล้วถ้าวันหนึ่ง Quantum Computer ถูกพัฒนาให้ใช้งานได้จริงในระดับ “Mass Adoption” จะเกิดอะไรขึ้น?
ระยะยาว: คอมพิวเตอร์จะเปลี่ยนไปอีกระดับ
ในระยะยาว ถ้า Quantum Computer สามารถถูกทำให้เล็กลง และประสิทธิภาพสูงกว่าคอมพิวเตอร์ทุกวันนี้เป็น “ล้านๆ เท่า” โลกของเทคโนโลยีจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
คอมพิวเตอร์ส่วนตัว = ศูนย์ข้อมูลย่อส่วน
สมาร์ตโฟนเครื่องเดียวอาจมีพลังการคำนวณเทียบเท่าศูนย์ข้อมูล (Data Center) ขนาดมหึมา แอปพลิเคชันที่เราใช้อยู่จะก้าวกระโดดไปไกลกว่าที่จินตนาการได้
Digital Twin จะเป็นเรื่องปกติ
ไม่ใช่แค่แบบจำลองเมืองหรือโรงงาน แต่ แบบจำลองทั้งร่างกายของเรา ในระดับเซลล์หรือโมเลกุลก็อาจจะถูกสร้างขึ้นได้บน Quantum Computer เพื่อใช้ทำนายสุขภาพหรือจำลองผลลัพธ์ของยาใหม่แบบเฉพาะบุคคล ระหว่างเราเดินไปกินข้าว ถ่ายรูปอาหารเข้ามือถือ มันอาจจะจำลองเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดกับตัวเราในระดับโมเลกุลได้เลย ถ้าเราไปหาหมอ อาจจะมีระบบจำลองการกินยา ผลที่จะได้หรือข้อมูลอิิ่นๆที่เรายังไม่เคยรู้ได้จากการคำนวณผ่านระบบที่มีในปัจจุบัน
AI + Quantum = Superintelligence
ปัจจุบัน AI ทำงานบน Classical Computer ถ้าวันหนึ่งมันได้พลังจาก Quantum Computer ความเร็วและความสามารถในการเรียนรู้ของ AI อาจก้าวไปอีกขั้น จนเปลี่ยนแปลงทุกอุตสาหกรรม ถ้ามี model ที่เก่งมากๆ เหมือนทืี่เราใช้กันวันนี้แต่มีเป็นพันๆ ตัวช่วยกันคิดบนโทรศัพท์มือถือ เราอาจจะไม่ต้องทำงานเองเลยก็ได้
ถ้า Digital Twin เลียนแบบเราในระดับกิจกรรม รู้จักว่าเราทำอะไรบ้างวันๆ คิดอะไรบ้าง ตัดสินใจแบบไหน พลังของ Quantum AI อาจจะทำงานแทนเราทั้งหมดเลยก็ได้
ในระยะสั้น: การเปลี่ยนแปลงด้านความปลอดภัยไซเบอร์
ก่อนที่เราจะไปถึงอนาคตไกลๆ สิ่งที่จะเกิดขึ้นก่อนคือ Cybersecurity Disruption เพราะ Quantum Computer มีศักยภาพในการถอดรหัสที่เราใช้ปกป้องข้อมูลอยู่ทุกวันนี้
- Public-Key Cryptography (RSA, ECC) ที่ใช้พื้นฐานคณิตศาสตร์การแยกตัวประกอบจำนวนเฉพาะ หรือ Discrete Logarithm จะถูกเจาะได้ง่ายขึ้นด้วยอัลกอริธึมของ Shor
- VPN, SSL/TLS, Digital Signature ที่เป็นรากฐานของความปลอดภัยอินเทอร์เน็ตจะไม่ปลอดภัยอีกต่อไ
- ทุกอย่างที่ “ยึดกับปัญหาคณิตศาสตร์ยากๆ” จะถูก Quantum Computer ทำลายได้
นี่คือเหตุผลว่าทำไมทั่วโลกจึงเริ่มผลักดัน Post-Quantum Cryptography (PQC) เพื่อหาวิธีเข้ารหัสใหม่ที่ต้านทานควอนตั้มได้ทันเวลา
Quantum Internet และ Quantum Network
เมื่อ Quantum Computer เกิดขึ้นจริง เราไม่ได้พูดถึงแค่ “เครื่องคอมพิวเตอร์” แต่พูดถึง เครือข่ายใหม่ทั้งระบบ
-
Quantum Internet ใช้หลักการของ Quantum Entanglement และ Quantum Key Distribution (QKD) เพื่อสร้างการสื่อสารที่ปลอดภัยในระดับที่ “ไม่มีใครดักฟังได้โดยไม่ถูกตรวจจับ”
-
เครือข่ายนี้จะเชื่อมโยง Quantum Computer หลายเครื่องเข้าด้วยกัน กลายเป็น “Quantum Network” ที่สามารถทำงานร่วมกันเหมือน Classical Cloud แต่มีความปลอดภัยขั้นสูงและประสิทธิภาพเหนือกว่า
นี่จะเป็นก้าวแรกของ “Internet รุ่นใหม่” ที่เปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานของการสื่อสารทั่วโลก
เราต้องเตรียมตัวอย่างไร
- ศึกษาและทำความเข้าใจ องค์กรและบุคคลทั่วไปควรรู้ว่า Quantum Computing ไม่ใช่เรื่องไกลตัว มันอาจจะส่งผลต่อชีวิตประจำวันเหมือนที่อินเทอร์เน็ตและสมาร์ตโฟนเคยทำ
- ปรับระบบความปลอดภัย: เตรียมเปลี่ยนไปใช้ Post-Quantum Cryptography ก่อนที่ Quantum Computer จะมาถึง
- ติดตามการพัฒนา: ทั้งในระดับงานวิจัย (Google, IBM, Microsoft) และในเชิงกฎระเบียบ (มาตรฐานการเข้ารหัสใหม่จาก NIST)
- มองหาโอกาส: Quantum Computer จะไม่ใช่แค่ความเสี่ยง แต่เป็นโอกาสทางธุรกิจ การแพทย์ โลจิสติกส์ และการพัฒนา AI
หาก Quantum Computer ถูกทำให้ใช้งานได้จริงในระดับวงกว้าง มันจะไม่ใช่เพียง “คอมพิวเตอร์ที่เร็วขึ้น” แต่คือ การเปลี่ยนระดับของคอมพิวเตอร์ทั้งระบบ จากเครื่องมือคำนวณ ไปสู่เครื่องมือที่สามารถจำลองธรรมชาติ วางแผนอนาคต และสร้างโลกดิจิทัลที่เชื่อมโยงกับชีวิตเราได้
ในบทความนี้ได้แนะนำคำศัพท์และแนวคิดต่างๆ ที่เกี่ยวกับโลกของควอนตั้ม ไม่ว่าจะเป็น Quantum Computer, Quantum Internet, Quantum Key Distribution, หรือ Post-Quantum Cryptography ผู้เขียนจะหาโอกาสมาเขียนอธิบายต่ออย่างละเอียดในบทความถัดๆ ไป เพื่อให้ผู้อ่านได้ค่อยๆ ทำความเข้าใจไปด้วยกัน